สระ ภาษา ไทย สระ หมายถึง เครื่องหมายใช้แทนเสียงที่เปล่งออกมา ตามหลักภาษา ถือว่าพยัญชนะจำเป็นต้องอาศัยสระจึงจะออกเสียงได้
สระ ภาษา ไทย รูปสระ
สระ ภาษา ไทย รูปสระในภาษาไทยมี 21 รูป ซึ่งรูปสระเหล่านี้จะนำไปประกอบเป็นรูปสระที่ใช้แทนเสียงสระ
|
|
|
เสียงสระ
สระ 21 รูปสามารถเข้ามาประกอบกันเป็นเสียงสระได้ 32 เสียง โดยสะกดด้วยรูปสระพื้นฐานหนึ่งตัวหรือหลายตัวร่วมกัน ดังนี้
อะ | อา | อิ | อี | อึ | อื | อุ | อู |
---|---|---|---|---|---|---|---|
เอะ | เอ | เเอะ | เเอ | เอียะ | เอีย | เอือะ | เอือ |
อัวะ | อัว | โอะ | โอ | เอาะ | ออ | เออะ | เออ |
อำ | ใอ | ไอ | เอา | ฤ | ฤๅ | ฦ | ฦๅ |
เมื่อเวลาออกเสียงสระ เช่น อะ อา เอะ เอ เอียะ เอีย จะออกเสียงแตกต่างกัน บางตัวออกเสียงสั้น บางตัวออกเสียงยาว จึงแบ่งสระตามอัตราเสียงเป็น 2 จำพวก ได้แก่
- สระเสียงสั้น หรือ รัสสระ ได้แก่ สระที่ออกเสียงสั้น คือ อะ อิ อึ อุ เอะ แอะ โอะ เอาะ เออะ เอียะ เอือะ อัวะ ฤ ฦ อำ ไอ ใอ เอา
- สระเสียงยาว หรือ ทีฆสระ ได้แก่ สระที่ออกเสียงยาว คือ อา อี อื อู เอ แอ โอ ออ เออ เอีย เอือ อัว ฤๅ ฦๅ
เสียงสระในภาษาไทยแบ่งตามฐานการออกเสียงออกเป็น 3 ชนิด คือ สระเดี่ยว สระประสม และสระเกิน ดังนี้
- สระเดี่ยว หรือ สระแท้ คือ สระที่เกิดจากฐานเสียงเพียงฐานเดียว เปล่งเสียงออกมาเป็นเสียงเดียว ไม่มีเสียงอื่นประสม มีทั้งสิ้น 18 เสียง ได้แก่ อะ อา อิ อี อึ อื อุ อู เอะ เอ แอะ แอ เออะ เออ โอะ โอ เอาะ ออ
- สระประสม หรือ สระเลื่อน คือ สระที่เกิดจากสระเดี่ยวสองเสียงมาประสมกัน เกิดการเลื่อนของลิ้นในระดับสูงลดลงสู่ระดับต่ำ มี 6 เสียงดังนี้
- เอียะ ประสมจากเสียงสระ อี กับ อะ
- เอีย ประสมจากเสียงสระ อี กับ อา
- เอือะ ประสมจากเสียงสระ อือ กับ อะ
- เอือ ประสมจากเสียงสระ อือ กับ อา
- อัวะ ประสมจากเสียงสระ อู กับ อะ
- อัว ประสมจากเสียงสระ อู กับ อา
- สระเกิน คือ สระที่มีเสียงซ้ำกับสระเดี่ยว ต่างกันก็แต่ว่าสระเกินจะมีเสียงพยัญชนะประสมหรือสะกดอยู่ด้วย มี 8 เสียง ได้แก่
- อำ ประสมจากเสียงสระ อะ และพยัญชนะ ม สะกด (อัม) เช่น ขำ บางครั้งออกเสียงยาว (อาม) เช่น น้ำ
- ใอ ประสมจากเสียงสระ อะ และพยัญชนะ ย สะกด (อัย) เช่น ใจ บางครั้งออกเสียงยาว (อาย) เช่น ใต้
- ไอ ประสมจากเสียงสระ อะ และพยัญชนะ ย สะกด (อัย) เช่น ไหม้ บางครั้งออกเสียงยาว (อาย) เช่น ไม้
- เอา ประสมจากเสียงสระ อะ และพยัญชนะ ว สะกด (โอว) เช่น เกา บางครั้งออกเสียงยาว (อาว) เช่น เก้า
- ฤ ประสมจากเสียงพยัญชนะ ร และสระ อึ (รึ) เช่น พฤกษา บางครั้งเปลี่ยนเสียงเป็น ริ เช่น กฤษณะ หรือ เรอ เช่นฤกษ์
- ฤๅ ประสมจากเสียงพยัญชนะ ร และสระ อือ (รือ)
- ฦ ประสมจากเสียงพยัญชนะ ล และสระ อึ (ลึ)
- ฦๅ ประสมจากเสียงพยัญชนะ ล และสระ อือ (ลือ)
บางตำราถือว่าภาษาไทยมี 21 เสียง ทั้งนี้ คือไม่รวมสระเกินทั้ง 8 เสียง เนื่องจากถือว่าเป็นพยางค์ ซึ่งมีหน่วยเสียงในตัวเองโดยสมบูรณ์อยู่แล้ว และไม่รวมสระประสมเสียงสั้นทั้ง 3 เสียง คือ เอียะ เอือะ อัวะ เนื่องจากมีที่ใช้ในภาษาไทยน้อยมาก และสระ หมายถึง เครื่องหมายใช้แทนเสียงที่เปล่งออกมา ตามหลักภาษา ถือว่าพยัญชนะจำเป็นต้องอาศัยสระจึงจะออกเสียงได้ใหญ่จะเป็นคำเลียนเสียงซึ่งไม่ได้ใช้สื่อความหมายอื่น เช่น เพียะ เปรี๊ยะ ผัวะ เป็นต้น
ตำแหน่งของสระ
สระต่าง ๆ เมื่อประสมกับพยัญชนะต้น จะอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกัน ได้แก่
- ไม่ปรากฏรูปสระ ได้แก่ สระอะเมื่อมีตัว ร สะกด (-รร) สระโอะเมื่อมีตัวสะกด (โ–ะ) และสระออเมื่อมีตัว ร สะกด (-ร) เช่น สรร คน รก จง พร
- ข้างหน้าพยัญชนต้น ได้แก่สระอะเมื่อมีตัว ว สะกด (โ-ว) สระเอ (เ-) สระแอ (แ-) สระโอ (โ-) สระเออที่มีตัว ย สะกด (เ-ย) สระใอ (ใ-) และสระไอ (ไ-) เช่น โสว เก เซ เข แล แพ แก โต โพ โท เนย ใกล้ ใคร ใหญ่ ไป ไซ ไส
- ข้างหลังพยัญชนะต้น ได้แก่ สระอะ (-ะ) สระอา (-า) สระออ (-อ) และ ร หัน (-รร) เช่น กะ จะ ปะ มา กา ตา ขอ รอ พอ ธรรม
- ข้างบนพยัญชนะต้น ได้แก่ สระอือเมื่อมีตัวสะกด (-ื) สระอิ (-ิ) สระอี (-ี) สระอึ (-ึ) และไม้หันอากาศ (–ั) เช่น บิ สิ มิ ปี ดี มี หึ สึ หัน กัน ปัน
- ข้างล่างพยัญชนะต้น ได้แก่ สระอุ (-ุ) และสระอู (-ู) เช่น ผุ มุ ยุ ดู รู งู
- ข้างหน้าและข้างหลังพยัญชนะต้น ได้แก่ สระเอะ (เ-ะ) สระแอะ (แ-ะ) สระโอะ (โ-ะ) สระเอาะ (เ-าะ) สระเออะ (เ-อะ) สระเออ (เ-อ) และสระเอา (เ-า) เช่น เละ เตะ เกะ และ แพะ แกะ โปะ โละ เลอะ เถอะ เจอะ เจอ เธอ เรอ เกา เผา เรา
- ข้างหน้าและข้างบนพยัญชนะต้น ได้แก่ สระเอะเมื่อมีตัวสะกด (เ–็) สระแอเมื่อมีตัว ร สะกด (เ—็ร) สระแอะเมื่อมีตัวสะกด (แ–็) สระเออะสระเออเมื่อมีตัวสะกด (เ–ิ) และสระเออะที่มีตัว ย สะกด (เ—็ย)
- ข้างบนและข้างหลังพยัญชนะต้น ได้แก่ สระอืเมื่อไม่มีตัวสะกด (-ือ) สระอัวะ (-ัวะ) สระอัว (-ัว) สระอำ (-ำ) สระเอา (เ-า) และสระเอาะเมื่อมีตัวสะกด (–็อ) เช่น มือ ถือ ลือ ผัวะ ยัวะ ตัว รัว หัว รำ ทำ จำ
- ข้างหน้า ข้างบน และข้างหลังพยัญชนะต้น ได้แก่ สระเอียะ (เ-ียะ) สระเอีย (เ-ีย) สระเอือะ (เ-ือะ) และสระเอือ (เ-ือ) เช่น เผียะ เพียะ เกียะ เสีย เลีย เปีย เสือ เรือ เจือ
การเปลี่ยนแปลงรูปสระ
สระเป็นส่วนประกอบส่วนหนึ่งของการประสมอักษร ซึ่งมีวิธีการใช้แตกต่างกัน ดังนี้
- สระคงรูป คือการเขียนสระตามรูปเดิมเมื่อประสมอักษร เช่น กะ เตะ โปะ เคาะ กอ กำ หัว เป็นต้น สระ -ะ, เ-ะ, โ-ะ … ในคำที่ยกมาไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปเมื่อประสมอักษร
- สระเปลี่ยนรูป คือ สระที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปเมื่อประสมอักษร เช่น กับ ( ก + ะ + บ) เจ็บ (จ + เ-ะ + บ) เพ็ร (พ + แ + ร) เกิน (ก + เ-อ + น ) เล็ย (ล + เ-อะ + ย) เป็นต้น
- สระลดรูป คือ สระที่เขียนลดรูปเมื่อประสมอักษร เช่น สรร (ส + -ะ ร) งก (ง + โ-ะ + ก) จร (จ + -อ + ร) เคย (ค + เ-อ + ย)
- สระเติมรูป คือสระที่เขียนเติมรูปเมื่อไม่มีตัวสะกด เช่น มือ (ม + —ื)
สระบางรูปเมื่อมีพยัญชนะสะกดจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปสระ สามารถสรุปได้ตามตารางด้านขวา
การใช้ไม้ม้วน และไม้มลาย
สระใอไม้ม้วน (ใ-) ที่ใช้ในภาษาไทยมีทั้งหมด 20 คำ ได้แก่ ใกล้ ใคร ใคร่ ใจ ใช่ ใช้ ใด ใต้ ใน ใบ้ ใฝ่ ใย สะใภ้ ใส ใส่ ให้ ใหม่ ใหล ใหญ่ หลงใหล ใหญ่ นอกนั้นใช้สระไอไม้มลาย (ไ-) เช่น ไป ไซ ไส ใช้กับคำที่มาจากภาษาอังกฤษ เช่น ไกด์ ไมล์ สไลด์ ใช้กับคำที่มาจากภาษาบาลีสันสกฤตที่แผลงสระอิเป็นสระไอ เช่น ตรี – ไตร ใช้กับคำที่มาจากภาษาเขมร เช่น สไบ
การใช้ ร หัน
ร หัน คือสระอะที่มีตัว ร สะกด
ในภาษาไทยการเขียนโดยใช้ รร (ร หัน) แทนเสียงสระ อะ และเปลี่ยนรูปเป็นไม้หันอากาศ ออกเสียงเป็นเสียง (อัน) เช่นเดียวกับคำที่อยู่ในมาตราแม่กน ปัจจุบัน การใช้ รร (ร หัน) ก็เพื่อรักษาประวัติของคำหรือเพื่อความไพเราะ เมื่อผู้เรียนเรียนในระดับสูงขึ้นจะเข้าใจหลักเกณฑ์เพื่อช่วยจำได้ดีขึ้นในมาตราแม่กน รร (ร หัน) มักใช้แทนเสียง อัน ดังตัวอย่างต่อไปนี้
สรร อ่านว่า สัน
ขรรค์ อ่านว่า ขัน
สรรค์ อ่านว่า สัน
กรรโชก อ่านว่า กัน – โชก สระ ภาษา ไทย